โศภิษฐ์ตา

สวัสดี ฝากความคิดถึงกันไว้หน่อย นะจ๊ะ

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

สีในสมัยโบราน

สี ผสมอาหารจากพืช ที่คนไทยโบราณใช้กันมา ในปัจจุบันชักจะเลือนหายไปทุกที ซึ่งการใช้สีผสมอาหารจากธรรมชาติ 100 % นอกจากจะได้สีสันที่สวยงามแล้ว ยังได้กลิ่นเฉพาะตัวอีกด้วย สีที่เราสามารถสกัดได้จากพืชหลายสี เป็นสีที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่

สีเหลือง
สกัด ได้จาก ขมิ้นชันและขมิ้นอ้อย ล้างดินปอกเปลือก โขลกให้ละเอียด เติมน้ำแล้วกรองเอาแต่น้ำ ใช้ทำข้าวเหนียวหน้ากุ้ง ข้าวหมกไก่ แกงกะหรี่ ขนมเบื้องญวนดอกคำฝอย ให้สีเหลืองอ่อน ใช้กลีบตากแห้งต้มกับน้ำเดือด 5 นาที กรองเอากากทิ้ง ใช้ผสมขนมต่าง ๆเมล็ดคำแสด ให้สีเหลืองแสด ใช้เมล็ดแห้งแช่น้ำร้อน กรองเอาแต่น้ำลูกพุด ใช้ผลแก่หรือแห้ง ซื้อตามร้านขายยาแผนโบราณ แช่น้ำร้อน กรองเอาแต่น้ำ ดอกกรรณิการ์ ให้สีแสด ใช้ก้านดอกสีแสด บิดให้ช้ำ เติมน้ำนิดหน่อย ห่อผ้าขาวบางคั้นเอาแต่น้ำ ลูกตาลสุก ลอกเปลือกแข็งออกใส่น้ำพอท่วม นวดให้เนื้อเละ เติมน้ำอีกเท่าตัว คนให้เข้ากัน คั้นกรองเอาเส้นและเปลือกทิ้ง เทน้ำใส่ถุงผ้าทับให้แห้ง ทำขนมตาล ขนมเค้ก ไอศกรีม ฟักทอง นึ่งผสมกับแป้ง ทำขนมถั่วแปบแครอท ต้มสุกบดละเอียด ผสมลงในถั่วกวน

สีเขียว
ใบเตยหอม ใช้ใบค่อนข้างแก่หั่นละเอียด โขลกเติมน้ำ คั้นน้ำ ทำขนมชั้น มะพร้าวแก้ว ซ่าหริ่ม ลอดช่องใบย่านาง ใบพริก ใบผักชี ใบมะตูม ใบตะไคร้ พริกเขียว โขลกละเอียด คั้นน้ำแต่งสีอาหารคาว เช่น แกงบอน แกงเขียวหวาน

สีแดง
รัง ครั่ง แช่น้ำร้อนหรือต้ม ถ้าต้องการสีแดงใส ใช้สารส้มแกว่งในน้ำที่ได้ ทำขนมชั้น ซ่าหริ่ม ขนมน้ำดอกไม้พริก ที่สุกแดงทุกชนิดแกะเมล็ดออก โขลกเนื้อพริกให้ละเอียดใช้ได้ทั้งพริกแห้ง และพริกสด ทำแกงเผ็ด น้ำพริก น้ำยา น้ำจิ้มมะเขือเทศสุก หั่น สับ ต้มและยีทำเป็นซอสมะเขือเทศกระเจี๊ยบ ใช้กลีบหุ้มผลต้มกับน้ำคั้นเอาแต่น้ำสีแดงเมล็ดผักปรัง ใช้เมล็ดแก่สีแดงคล้ำ ขยี้คั้นเอาแต่น้ำ

สีน้ำเงิน
ดอกอัญชัน ใช้กลีบสีน้ำเงินขยี้ให้ช้ำเติมน้ำเล็กน้อย กรองด้วยผ้าขาวบาง ทำขนมชั้น ซ่าหริ่ม ถั่วแปบ

สีม่วง
ดอกอัญชัน บีบมะนาวลงไป ทำขนมช่อม่วง

สีดำ
ถ่าน กาบมะพร้าว บดละเอียดเติมน้ำคั้น กรอง ทำขนมเปียกปูน ดอกดิน เอื้องดิน โขลกผสมกับแป้ง น้ำตาล ทำขนมดอกดิน ถั่วดำ ต้มสุกโขลกละเอียด ทำไส้ซาลาเปา ขนมเปี๊ยะ

สีน้ำตาล
น้ำตาลไหม้ ใช้น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลปึก ตั้งไฟละลายเคี่ยวจนไหม้ แต่งหน้าขนมนางเล็ด
สี เหล่านี้มีให้เลือกใช้นำไปปรุงอาหารทั้งคาวและหวาน แตกต่างกันไปตามความประสงค์ของผู้ใช้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือความสบายใจของผู้บริโภคที่ได้รับแต่ของดีมีประโยชน์
เรียบเรียงจาก : เหมวดี พลรัฐ
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

สีจากแก้วมังกร

วิธีที่จะใช้สกัดสีแดงอมชมพูจาก เปลือกผลแก้วมังกรมาใช้ได้
1.คือใช้การหมักเปลือกด้วยน้ำเปล่าทิ้งไว้ 12 ชั่วโมง ก็จะทำให้ได้น้ำสีออกมา 
2.จากนั้นจึงเอาไปกวนกับแป้งมันให้ได้แป้งเป็นก้อน แล้วนำไปตากแดดจนแห้งเพื่อบดเป็นผง ซึ่งก็เป็นวิธีที่ง่าย และทำให้ได้ผงแป้งสีแดงอมชมพูมาใช้ ซึ่งผงสีที่ได้มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ทันที”      
       สำหรับผงสีที่ได้ยังสามารถนำไปใช้ได้หลายด้านด้วยกัน เช่นนำมาใช้ทดแทนสีผสมอาหารโดยไม่ทำให้กลิ่น รสชาติ หรือคุณค่าทางอาหารเปลี่ยน ที่สำคัญไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ได้แก่ ขนมปุยฝ้าย ทับทิมกรอบ วุ้น ซาหริ่ม ขนมชั้น โดยสามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 1-2 เดือน
     
       นอก จากนั้นยังสามารถนำไปผสมกับแป้งฝุ่นผัดหน้าให้ดูสวยงามน่าใช้ และต่อไปยังอาจใช้ให้สีแก่เครื่องสำอางอย่างที่ปัดแก้ม (บรัชออน) และลิปสติก ขณะเดียวกัน
     
       สีที่สกัดได้ก็ยังอาจนำไปใช้ในงานทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ได้อีกด้วย คือ ใช้ทดแทนสีย้อมเซลล์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ ได้ทดลองกับการย้อมเซลล์พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่มา แล้วจนได้ผลน่าพอใจ ซึ่งหากเป็นไปได้ยังอาจนำไปใช้ในงานย้อมอวัยวะภายในร่างกายเพื่อการวินิจฉัย โรคทดแทนการใช้สารเคมีนำเข้าจากต่างประเทศได้อีกประการหนึ่งด้วย

ที่มา จากดอยสะเก็ด
      

ศูนยฺ์หม่อนไหม

กลุ่มพืชให้สีดำ          กระบก  น้ำ สีที่คั้นจากผลกระบกสดกับน้ำ หรือต้มผลสดกับน้ำในอัตรา 1:1 เมื่อนำมาย้อมเส้นไหมด้วยวิธีย้อมร้อน (อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส) นาน 40 นาที แล้วแช่เส้นไหมในน้ำโคลนนาน 48 ชั่วโมง หมั่นกลับเส้นไหมให้แช่น้ำโคลนทั่วถึง หลังจากนั้นนำไปนึ่งไอน้ำนาน 20 นาที ทำให้เส้นไหมเป็นสีเทาดำ สีคงทนต่อแสงและการซักระดับดีตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
          คนทา  ไม้พุ่มกึ่งเลื้อยซึ่งใช้ผลเป็นวัตถุดิบให้สี สกัดสีโดยต้มผลสดกับน้ำอัตรา 1:1 หรือหมักผลสดนึ่งกับน้ำนาน 1 ชั่วโมง ย้อมเส้นไหมในน้ำสีสกัดโดยการย้อมร้อน แล้วแช่เส้นไหมในน้ำโคลนและนึ่งไอน้ำ เช่นเดียวกับการย้อมด้วยน้ำสีจากผลกระบก ได้เส้นไหมสีดำประกายแดง คุณภาพสีคงทนต่อแสงและการซักดีมาก คือ สีไม่ซีด สีไม่เปลี่ยนและสีไม่ตก
          เปลือกเงาะโรงเรียน  วัตถุดิบเหลือทิ้งนี้นำมาใช้ย้อมเส้นไหมได้สีดำ สีคงทนต่อแสงและการซักดีมาก การสกัดน้ำสีจากเปลือกเงาะโรงเรียน ต้มเปลือกผลสดกับน้ำอัตรา 1:3 ย้อมเส้นไหมด้วยวิธีย้อมร้อน แล้วแช่เส้นไหมในน้ำโคลน ซึ่งใช้เป็นสารช่วยติดสี จากนั้นนำเส้นไหมนึ่งด้วยไอน้ำร้อนได้เส้นไหมสีดำ คุณภาพสีคงทนต่อแสงและการซักผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับดีมาก
 
กลุ่มพืชให้สีม่วง          มะหาด  การ สกัดสีและย้อมเส้นไหมด้วยน้ำสีสกัดจากผลมะหวด แม้ได้เส้นไหมติดสีม่วง แต่คุณภาพสีไม่ทนแสง ไม่ว่าจะใช้วิธีสกัดสีหรือใช้สารช่วยติดสีชนิดใดก็ตาม
          หว้า  เส้นไหมที่ย้อมด้วยน้ำสีจากผลหว้าที่สกัดโดยต้มผลหว้ากับสารละลายโซดาซักผ้า 3 เปอร์เซ็นต์ แล้วแช่เส้นไหมในสารละลายจุนสี ได้สีเขียวขี้ม้า และสีไม่ซีดเมื่อถูกแสง เทียบระดับความคงทนต่อแสงตามมาตรฐานได้ระดับดี แต่สีคล้ำลงเล็กน้อยหลังการทดสอบการซัก
           เปลือกมังคุด  เมื่อต้มเปลือกมังคุดสดกับน้ำผสมโซดาซักผ้า 3 เปอร์เซ็นต์ ได้น้ำสีม่วง ย้อมเส้นไหมแบบย้อมร้อน แล้วแช่เส้นไหมในน้ำจุนสี ได้สีเขียวขี้ม้า สีไม่ซีดจางเมื่อถูกแสง มีระดับความคงทนต่อแสงระดับดีมาก สีไม่ตกและสีไม่เปลี่ยน เมื่อทดสอบการซัก
           ผลหม่อนสุก  ผลหม่อนสุกมีสีม่วงคล้ำ เมื่อต้มผลหม่อนสุก 1 ส่วนกับน้ำ 3 ส่วน ได้สีม่วงแดง เมื่อนำมาย้อมเส้นไหมแบบย้อมร้อน (อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส) เป็นเวลานาน 40 นาที ขณะที่อุณหภูมิของน้ำสีลดลงที่ 70 องศาเซลเซียส เติมน้ำมะนาว 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำสี 30 ลิตร แล้วนำเส้นไหมลงย้อมต่ออีก 10 นาที ได้เส้นไหมสีม่วงอมเทาเข้า สีไม่ตกเมื่อซักด้วยน้ำสะอาดหลังการย้อม
 
กลุ่มพืชให้สีแดงหรือแดงอมส้ม          จากรากยอบ้านและใบเทียนกิ่ง เมื่อนำมาสกัดสีและย้อมเส้นไหมได้สีน้ำตาลอมแดงและแดงอมส้มพบว่าเมื่อต้มราก ยอบ้าน (ทั้งราก) ซึ่งหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้รากยอบ้าน 1 ส่วน กับน้ำ 3 ส่วน ต้มนาน 3 ชั่วโมง นำไปย้อมเส้นไหมที่ 60 องศาเซลเซียส นาน 1 - 3 ชั่วโมง แล้วแช่เส้นไหมในน้ำจุนสี 1 เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำมะขามเปียกช่วยให้คุณภาพสีทนต่อแสงดีขึ้น
          ส่วนการย้อมเส้นไหมด้วยน้ำสีสกัดจากใบเทียนกิ่งพบว่า การย้อมที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง ด้วยน้ำสีที่ได้จากการต้มใบเทียนกิ่ง เส้นไหมเป็นสีน้ำตาลเหลืองอมส้ม มีการดูดซับสีดีที่สุด และวิธีที่ทำให้เส้นไหมเป็นสีส้มอมแดงมากที่สุด (เทียบกับวิธีการอื่น ๆ ที่ทดลอง) คือ ย้อมเส้นไหมในน้ำสีสกัดใบเทียนกิ่งที่ผสมน้ำสนิมเหล็ก ย้อมที่ 90 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมง
 
กลุ่มพืชให้สีเหลือง          ดอกดาวเรือง  การสกัดสีจากกลีบดอกดาวเรืองสดหรือกลีบดอกที่นึ่งและอบแห้งในอัตราดอกแห้ง 40 - 42 กรัม หรือกลีบดอกสด 280 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร ย้อมเส้นไหมที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที จากนั้นนำเส้นไหมขึ้นล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วจึงแช่ในสารละลายช่วยติดสี 5 เปอร์เซ็นต์  ที่มีอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที เส้นไหมติดสีเหลืองทองและสีน้ำตาลทอง เมื่อใช้สารส้มและจุนสี เป็นสารช่วยติดสี สีที่ได้มีความคงทนของสีต่อแสงและการซักระดับดีมาก และดีตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
         ขมิ้นเครือ  นอกจากใช้เป็นยาสมุนไพรแล้ว น้ำสีที่ได้จากการต้มขมิ้นเครือแห้ง อัตรา 100 กรัม กับน้ำ 2 ลิตร ใช้เป็นสีย้อมไหมได้ วิธีย้อมเส้นไหมให้ติดสีดีและเส้นไหมไม่แตกเป็นขุย ควรย้อมในน้ำสกัดจากขมิ้นเครือที่อุณหภูมิประมาณ 85 องศาเซลเซียส นาน 90 นาที การใช้สารช่วยติดสีที่มีฤธิ์เป็นด่างและเกลือแกง ช่วยให้เส้นไหมติดสีเหลืองทองเข้มกว่าเมื่อใช้สารติดสีที่มีฤทธิ์เป็นกรด และคุณภาพสีดีกว่าการไม่ใช้สารช่วยติดสีใด ๆ การย้อมที่อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน ทำให้เส้นไหมเสื่อมสภาพเส้นแตกเป็นขุย
          ขี้เหล็กบ้าน  น้ำสีที่สกัดได้จากการต้มใบขี้เหล็กบ้าน (ใบแก่) กับสารละลายกรดน้ำส้ม 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อย้อมเส้นไหมที่อุณหภูมิ 85 - 90 องศาเซลเซียส นาน 40 นาที หลังจากนั้นนำเส้นไหมขึ้นและล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงแช่ในสารละลายจุนสี 5 เปอร์เซ็นต์ ได้เส้นไหมสีเหลืองอมเขียว เมื่อแช่ในน้ำมะขามและสารส้ม เส้นไหมเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล สีที่ได้มีความคงทนต่อแสง และการซักดีปานกลาง
 
กลุ่มพืชให้สีเขียว
          แก้ว  ไม้ ยืนต้นขนาดเล็ก ดอกสีขาว กลิ่นหอม ใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใช้ใบเป็นวัตถุดิบให้สี โดยสกัดสีจากใบสดด้วยการต้มกับน้ำอัตรา 1:4 ย้อมเส้นไหมในน้ำสีแบบย้อมร้อน นาน 40 นาที จากนั้นล้างน้ำให้สะอาดแล้วแช่ในสารละลายจุนสี 5 เปอร์เซ็นต์ นาน 15 นาที ได้เส้นไหมสีเขียว สีคงทนต่อแสงและการซักระดับดี ส่วนการใช้สารช่วยติดสีอื่น ๆ เช่น สารส้ม น้ำต้มใบพืช ต่าง ๆ น้ำมะขามเปียก ส่วนใหญ่เส้นไหมติดสีเหลืองถึงเขียว การใช้สารช่วยติดสีทุกชนิดก่อนการย้อมหรือผสมลงในน้ำสีก่อนย้อม สีที่ได้ไม่คงทนต่อแสงและการซัก

ศูนยฺ์หม่อนไหม

กลุ่มพืชให้สีดำ          กระบก  น้ำ สีที่คั้นจากผลกระบกสดกับน้ำ หรือต้มผลสดกับน้ำในอัตรา 1:1 เมื่อนำมาย้อมเส้นไหมด้วยวิธีย้อมร้อน (อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส) นาน 40 นาที แล้วแช่เส้นไหมในน้ำโคลนนาน 48 ชั่วโมง หมั่นกลับเส้นไหมให้แช่น้ำโคลนทั่วถึง หลังจากนั้นนำไปนึ่งไอน้ำนาน 20 นาที ทำให้เส้นไหมเป็นสีเทาดำ สีคงทนต่อแสงและการซักระดับดีตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
          คนทา  ไม้พุ่มกึ่งเลื้อยซึ่งใช้ผลเป็นวัตถุดิบให้สี สกัดสีโดยต้มผลสดกับน้ำอัตรา 1:1 หรือหมักผลสดนึ่งกับน้ำนาน 1 ชั่วโมง ย้อมเส้นไหมในน้ำสีสกัดโดยการย้อมร้อน แล้วแช่เส้นไหมในน้ำโคลนและนึ่งไอน้ำ เช่นเดียวกับการย้อมด้วยน้ำสีจากผลกระบก ได้เส้นไหมสีดำประกายแดง คุณภาพสีคงทนต่อแสงและการซักดีมาก คือ สีไม่ซีด สีไม่เปลี่ยนและสีไม่ตก
          เปลือกเงาะโรงเรียน  วัตถุดิบเหลือทิ้งนี้นำมาใช้ย้อมเส้นไหมได้สีดำ สีคงทนต่อแสงและการซักดีมาก การสกัดน้ำสีจากเปลือกเงาะโรงเรียน ต้มเปลือกผลสดกับน้ำอัตรา 1:3 ย้อมเส้นไหมด้วยวิธีย้อมร้อน แล้วแช่เส้นไหมในน้ำโคลน ซึ่งใช้เป็นสารช่วยติดสี จากนั้นนำเส้นไหมนึ่งด้วยไอน้ำร้อนได้เส้นไหมสีดำ คุณภาพสีคงทนต่อแสงและการซักผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับดีมาก
 
กลุ่มพืชให้สีม่วง          มะหาด  การ สกัดสีและย้อมเส้นไหมด้วยน้ำสีสกัดจากผลมะหวด แม้ได้เส้นไหมติดสีม่วง แต่คุณภาพสีไม่ทนแสง ไม่ว่าจะใช้วิธีสกัดสีหรือใช้สารช่วยติดสีชนิดใดก็ตาม
          หว้า  เส้นไหมที่ย้อมด้วยน้ำสีจากผลหว้าที่สกัดโดยต้มผลหว้ากับสารละลายโซดาซักผ้า 3 เปอร์เซ็นต์ แล้วแช่เส้นไหมในสารละลายจุนสี ได้สีเขียวขี้ม้า และสีไม่ซีดเมื่อถูกแสง เทียบระดับความคงทนต่อแสงตามมาตรฐานได้ระดับดี แต่สีคล้ำลงเล็กน้อยหลังการทดสอบการซัก
           เปลือกมังคุด  เมื่อต้มเปลือกมังคุดสดกับน้ำผสมโซดาซักผ้า 3 เปอร์เซ็นต์ ได้น้ำสีม่วง ย้อมเส้นไหมแบบย้อมร้อน แล้วแช่เส้นไหมในน้ำจุนสี ได้สีเขียวขี้ม้า สีไม่ซีดจางเมื่อถูกแสง มีระดับความคงทนต่อแสงระดับดีมาก สีไม่ตกและสีไม่เปลี่ยน เมื่อทดสอบการซัก
           ผลหม่อนสุก  ผลหม่อนสุกมีสีม่วงคล้ำ เมื่อต้มผลหม่อนสุก 1 ส่วนกับน้ำ 3 ส่วน ได้สีม่วงแดง เมื่อนำมาย้อมเส้นไหมแบบย้อมร้อน (อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส) เป็นเวลานาน 40 นาที ขณะที่อุณหภูมิของน้ำสีลดลงที่ 70 องศาเซลเซียส เติมน้ำมะนาว 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำสี 30 ลิตร แล้วนำเส้นไหมลงย้อมต่ออีก 10 นาที ได้เส้นไหมสีม่วงอมเทาเข้า สีไม่ตกเมื่อซักด้วยน้ำสะอาดหลังการย้อม
 
กลุ่มพืชให้สีแดงหรือแดงอมส้ม          จากรากยอบ้านและใบเทียนกิ่ง เมื่อนำมาสกัดสีและย้อมเส้นไหมได้สีน้ำตาลอมแดงและแดงอมส้มพบว่าเมื่อต้มราก ยอบ้าน (ทั้งราก) ซึ่งหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้รากยอบ้าน 1 ส่วน กับน้ำ 3 ส่วน ต้มนาน 3 ชั่วโมง นำไปย้อมเส้นไหมที่ 60 องศาเซลเซียส นาน 1 - 3 ชั่วโมง แล้วแช่เส้นไหมในน้ำจุนสี 1 เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำมะขามเปียกช่วยให้คุณภาพสีทนต่อแสงดีขึ้น
          ส่วนการย้อมเส้นไหมด้วยน้ำสีสกัดจากใบเทียนกิ่งพบว่า การย้อมที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง ด้วยน้ำสีที่ได้จากการต้มใบเทียนกิ่ง เส้นไหมเป็นสีน้ำตาลเหลืองอมส้ม มีการดูดซับสีดีที่สุด และวิธีที่ทำให้เส้นไหมเป็นสีส้มอมแดงมากที่สุด (เทียบกับวิธีการอื่น ๆ ที่ทดลอง) คือ ย้อมเส้นไหมในน้ำสีสกัดใบเทียนกิ่งที่ผสมน้ำสนิมเหล็ก ย้อมที่ 90 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมง
 
กลุ่มพืชให้สีเหลือง          ดอกดาวเรือง  การสกัดสีจากกลีบดอกดาวเรืองสดหรือกลีบดอกที่นึ่งและอบแห้งในอัตราดอกแห้ง 40 - 42 กรัม หรือกลีบดอกสด 280 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร ย้อมเส้นไหมที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที จากนั้นนำเส้นไหมขึ้นล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วจึงแช่ในสารละลายช่วยติดสี 5 เปอร์เซ็นต์  ที่มีอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที เส้นไหมติดสีเหลืองทองและสีน้ำตาลทอง เมื่อใช้สารส้มและจุนสี เป็นสารช่วยติดสี สีที่ได้มีความคงทนของสีต่อแสงและการซักระดับดีมาก และดีตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
         ขมิ้นเครือ  นอกจากใช้เป็นยาสมุนไพรแล้ว น้ำสีที่ได้จากการต้มขมิ้นเครือแห้ง อัตรา 100 กรัม กับน้ำ 2 ลิตร ใช้เป็นสีย้อมไหมได้ วิธีย้อมเส้นไหมให้ติดสีดีและเส้นไหมไม่แตกเป็นขุย ควรย้อมในน้ำสกัดจากขมิ้นเครือที่อุณหภูมิประมาณ 85 องศาเซลเซียส นาน 90 นาที การใช้สารช่วยติดสีที่มีฤธิ์เป็นด่างและเกลือแกง ช่วยให้เส้นไหมติดสีเหลืองทองเข้มกว่าเมื่อใช้สารติดสีที่มีฤทธิ์เป็นกรด และคุณภาพสีดีกว่าการไม่ใช้สารช่วยติดสีใด ๆ การย้อมที่อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน ทำให้เส้นไหมเสื่อมสภาพเส้นแตกเป็นขุย
          ขี้เหล็กบ้าน  น้ำสีที่สกัดได้จากการต้มใบขี้เหล็กบ้าน (ใบแก่) กับสารละลายกรดน้ำส้ม 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อย้อมเส้นไหมที่อุณหภูมิ 85 - 90 องศาเซลเซียส นาน 40 นาที หลังจากนั้นนำเส้นไหมขึ้นและล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงแช่ในสารละลายจุนสี 5 เปอร์เซ็นต์ ได้เส้นไหมสีเหลืองอมเขียว เมื่อแช่ในน้ำมะขามและสารส้ม เส้นไหมเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล สีที่ได้มีความคงทนต่อแสง และการซักดีปานกลาง
 
กลุ่มพืชให้สีเขียว
          แก้ว  ไม้ ยืนต้นขนาดเล็ก ดอกสีขาว กลิ่นหอม ใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใช้ใบเป็นวัตถุดิบให้สี โดยสกัดสีจากใบสดด้วยการต้มกับน้ำอัตรา 1:4 ย้อมเส้นไหมในน้ำสีแบบย้อมร้อน นาน 40 นาที จากนั้นล้างน้ำให้สะอาดแล้วแช่ในสารละลายจุนสี 5 เปอร์เซ็นต์ นาน 15 นาที ได้เส้นไหมสีเขียว สีคงทนต่อแสงและการซักระดับดี ส่วนการใช้สารช่วยติดสีอื่น ๆ เช่น สารส้ม น้ำต้มใบพืช ต่าง ๆ น้ำมะขามเปียก ส่วนใหญ่เส้นไหมติดสีเหลืองถึงเขียว การใช้สารช่วยติดสีทุกชนิดก่อนการย้อมหรือผสมลงในน้ำสีก่อนย้อม สีที่ได้ไม่คงทนต่อแสงและการซัก

หมึกสี กับเครื่องปริ้นท์

สีน้ำเงิน จากการทดลองสกัดสารสองตัวคือ อัญชัน และ คราม
งมาผสมกับเอททิลแอลกอฮอล 95 % ตามอัตราส่วน เราจะได้หมึกที่มีสีที่ใกล้เคียงกับหมึกปริ้นมาก แต่จะมีสีออกน้ำเงินอมม่วงตามสีของดอกอัญชัน

สีแดง จากการทดลองสกัดสารสองตัวคือ ดอกกระเจี๊ยบแดงแห้ง และ แก่นฝาง
ผลการทดลอง ดอกกระเจี๊ยบแดงแห้งมีลักษณะเหมือนกับดอกเก็กฮวยคือมีลักษณะเป็นวุ้นเมื่อ ใส่เอททิลแอลกอฮอลเข้าไปจึงไม่เหมาะที่จะมาทำการผลิตเป็นหมึกพิมพ์เราจึง เลือกใช้ แก่นแฝงที่ให้สารที่มีลักษณะสีแดงแทน และตอนนี้อยู่ในช่วยทำการทดลองอัตราส่วนที่เหมาะสมในการทำหมึกพิมพ์

ปัญหาที่เกิดขึ้น
1.เราต้องใช้เครื่องปริ้นที่ไม่มีเซนเซอร์ตรวจจับหมึก
2.พืชบางชนิดเมื่อผสมเอททิลแอลกอฮอล 95% แล้วจะจับกันเป็นก้อน

วิธีสกัดกลิ่น ดอกไม้

วิธีสกัดสีม่วงจากเปลือมังคุด

 เอาเปลือกมังคุดมาปอกให้หมดผิวที่แข็ง แล้วเอาเปลือกมาบดหรือใส่ครกตำ เอาที่ได้มาผสมน้ำ ทีแรกใช้น้ำเย็น อีกทีใช้น้ำเดือด ของเหลวที่ได้เอาผ่านที่กรองทำด้วยสำลีหรือกระดาษกรอง (กระดาษกรองที่ถูหน่อยคือกระดาษกรองที่เขาใช้กับเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ อาจเป็นรูปกรวยหรือรูปถ้วย) กรองเอาเศษเปลือกออก ของเหลวทีได้มาน่าจะมีสีม่วง เข้มมากน้อยแค่ไหนแล้วแต่เวลาเอาเปลือกใส่กับน้ำนั้นใช้น้ำเท่าไหร่เปลือก เท่าไหร่ แล้วเอาของหลวที่ได้ไปต้มให้น้ำงวดแต่ไม่ถึงแห้ง หม้อที่ต้มจะเบี้ยว เอาไปตั้งไว้ในแดดหรือในร่มก็ได้ จนแห้ง น่าจะได้ผงติดก้นภาชนะ นั่นคือที่สะกัดมาได้

ถ้าต้องการสะกัดด้วยเมทานอล ก็ใช้เมทานอลแทนน้ำ แต่อย่าเอาไปตั้งไฟเด็ดขาด เพราะเมทานอลจะติดไฟ ดีไหมดีไฟไหม้บ้าน พอกรองแล้วก็เอาไปวางให้เมทานอลกับน้ำระเหย

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

สบู่ เป็นก้อนแล้ว

วันนี้ ได้ฤกษ์ตัดสบู่เป็นก้อน เห็นเป็นรูปเป็นร่าง  แล้ว แต่ต้องผึ่งลมไว้อีกสามสัปดาห์ถึงจะใช้ได้ระหว่างนี้ ถ้าไปโดนเข้า  ปวดแสบปวดร้อนยิ่งกว่าน้ำร้อนลวกเลยทีเดียว หาที่วางได้ยากมาก เพราะบ้านนี้มีเด็กซนๆ ไม่รู้เรื่องถึงสองคน  คาดว่าจะทำล๊อตใหม่อีก  คงเป็น สบู่น้ำมันดอกทานตะวัน แบบธรรมดา กับแบบเย็น ไว้รับกับหน้าร้อน แต่กลัวไม่มีที่วางสิ เพราะว่าต้องวางให้พ้นมือเด็ก ๆ แล้วผึ่งไว้ให้ลมผ่านด้วย คงทำได้ไม่ปริมานมาก  ยังไงใครอยากได้ไปลองใช้ลองเมลมานะจ๊ะ   แต่รอไปก่อนอีกสามสัปดาห์ ตอนนี้รอเชียบัตเตอร์อยู่ตัวนี้เค้าว่าดี กันหลายคน

คุณครู กับ โคตะ

เนื่องจากคุณครูที่โรงเรียนอยากพบโคตะก่อนที่จะเข้าโรงเรียน  อยากรู้ว่าโคตะเป็นเด็กแบบไหน  และแล้ว ก็ได้พบปะ พูดคุยกัน  ผู้ปกครองกับครูคุยกันซะมากกว่าที่โคตะจะคุย ทั้ง ๆ ที่ครูอยากจะคุยกับโคตะ แต่ไม่มีคำตอบจากโคตะเลย  แม้คุณครูจะถามชวนพูดสักเท่า ไร  จนสุดท้าย โคตะถามว่า พวกเด็ก ๆ ไปไหนหมด ไม่เห็นมีใครอยู่โรงเรียนเลย เฮ้อ ในหัวโคตะ โยเจนมันคงมีแต่เด็กเล่นตลอดเนอะ  ถามเรานะไม่ใช่ถามเซนเซเราเลยแกล้งไม่รู้ ลองถามเซนเซ ดูสิ  โคตะเลยพูดกับครู แล้วก็อายอีกมากกว่าเดิม   อ่อ ครูผู้หญิง ชื่อทานาโกะ เซนเซ  สรุป เท่าที คุยกับเซนเซเป็นเรื่องเป็นราวก็คราวนี้ ล่ะ ก่อน ๆ ไป ก็ฟังแถลงการณ์ซะ ว่ารูปแบบของ โรงเรียนเป็นอย่างไร รวม ๆ แล้ว ก็ธรรมดา  ทั่วไป แต่ก็ปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นเลอะเทอะ โดยไม่จำกัดอะไรมาก ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรสำหรับเรา คิดว่า เวลาเล่นข้างนอกน้อยไปหน่อยซะด้วยซ้ำ  โคตะอยู่บ้าน วิ่งเล่นนอกบ้านวันละ 4 ชั่วโมง แต่อยู่โรงเรียน ตามตาราง  มันก็ไม่แน่นอนอะไร แต่เป็นตารางตัวอย่างเฉย ๆ เพราะเปลี่ยนไปแต่ล่ะวัน  อย่างมากให้อยู่ข้างนอก แค่ 1 ชั่วโมง  เราอยากเจอโรงเรียน ที่ให้ เด็ก เล่นแต่ ข้างนอกวันล่ะ อย่างต่ำ 4 ชั่วโมงเพราะเด็กควรจะอยู่กับธรรมชาติ  แม้ว่าวันไหน ฝนตก  แดดจัด โคตะก็วิ่งเล่นข้างนอกอย่างมีความสุขการเรียนรู้ต่าง ๆ มันก็เกิดจากตรงนั้นล่ะ  บางคนมองเราแปลก ๆ  ทำไม ปล่อย เด็กวิ่งตากแดดตากฝน เออ ตากฝน มันก็มีเสื้อกันฝน แดดร้อนมันก็มีหมวก  หรือบางครั้งไม่ชอบใส่ ผิวเปลี่ยนสีไป ไม่เห็นเป็นไรเลย  แต่มันคงเป็นทางเลือกที่น้อย ที่โรงเรียนจะเลือกทำแบบนั้น เพราะว่า ควบคุมเด็ก และปัจจัยหลาย ๆ อย่าง  แต่ที่นี่ชอบคือ วันพุธให้เด็ก ช่วยกันทำอาหารกลางวันเอง ทุกคนต้องช่วยกัน มีดีตรงนี้ล่ะ แต่ปกติโคตะก็ช่วยทำอาหารอยู่บ้านอยู่แล้ว สนุกกับกิจกรรมนี้ดี เราไม่ได้ตื่นเต้นอะไรอีกเหมือนกัน อย่างที่บอกอยากให้เด็ก ๆ เล่นข้างนอกเยอะ ๆ มากกว่า  แต่ว่าศรีราชามันไม่ค่อยมีสถานที่เดินเล่นให้เด็ก อย่างโคตะตื่นเต้นได้เลย แต่เด็กโคตะชอบทะเล เห็นเท่าไรก็ไม่เบื่อ  แต่อย่่างที่ว่า แหละโรงเรียนก็ตารางกิจกรรม ก็เปลี่ยนไปเรื่อย  ๆ ตามกำลังของคุณครู  เพราะเป็นโรงเรียนที่เปิดแบบฉุกลุกมีครูน้อย  คาดว่าจะมาเพิ่มอีกเร็ว ๆ นี้   แต่แนวคิดของครู เราก็ค่อนข้างชอบ โรงเรียนนี้ไม่ได้แยกชั้นว่า เด็กอายุเท่าไร   คือเด็กตั้งแต่  3-6 ขวบอยู่รวมในคลาสเดียวกัน ให้พี่สอนน้อง น้องฟังพี่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  แล้วเด็ก 3 ขวบที่เคยเป็น พระราชาอยู่ในบ้านก็จะมีพี่ ๆ คอยคุย ความเป็นราชาก็จะหดหายไปได้บ้างตามกำลังตักเตือนของพี่ ๆ  เพราะพี่มีแรงเยอะกว่า  แบบว่าไม่มีใครได้ใหญ่อยู่คนเดียว  ฉะนั้นเด็กเล็ก ๆ ที่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ดีเท่าเด็กที่โตกว่าก็จะเห็นเด็กที่โตกว่าทำอย่างไร ไปโดยอัตโนมัติ ส่วนเด็กที่โตกว่า แม้ไม่เคยมีน้อง ก็จะมีส่วนที่ต้องดูแลให้ความช่วยเหลือเด็กที่เล็กไปอย่างอัตโนมัติ ไม่ใช่การบังคับขู่เข็ญหรือหน้าที่ที่ต้องทำอย่างไร แต่เป็นนิสัย ที่ควรปลูกฝังให้มนุษย์ตัวน้อยพึงมี เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณธรรมภายภาคหน้า   ส่วนเซนเซก็มีคำถามผู้ปกครองด้วย ว่าอะไรที่โคตะ มีอะไรที่มีปัญหา ในการดูแลบ้างเวลาอยุ่บ้าน คุณพ่อแสนดีรีบตอบทันทีเลย ว่าโคตะใช้เวลาทานข้าวช้ามาก  1 ชั่วโมงเสร็จ ถ้าไม่อร่อยไม่อยากกินกินแต่ของอร่อย ซึ่งลำบากมากเกรงว่ามาโรงเรียน จะเป็นปัญหา เรื่องนี้เรารู้มาจากหลายสาเหตุ  หลักๆ  วันไหนโคตะเล่นแต่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกกำลังจะกินน้อย แล้วอืดอาดมาก วันไหน ได้เล่นช่วงเช้า สักสองชั่วโมง จะไม่มีปัญหาเลย สำหรับมื้อเช้าและเย็น  แต่ช่วงที่มิกิคลอดแทบไม่ได้ไปไหนเลยโคตะอยู่แต่บ้าน หงุดหงิดงุ่นง่าน อยากจะบอกว่า เด็กผู้ชาย 3 -4 ขวบมันจะมีฮอร์โมน เท่ากับวัยรุ่นอายุ 17 เลยทีเดียวนะจ๊ะมันก็หมายความว่า ตัวเด็กเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองที่มีพลังมหาศาลนี้ ถ้าแม่ไม่พาไปปล่อยพลังก็จะทำอะไรแผลง ๆ  ในบ้านไม่อยู่นึง แล้วเด็ก 3 ขวบ ไม่มีเรื่องเซ็กมาเกี่ยวนี่  เด็กอายุ 17 ยังมีเรื่องเซ็ก แต่เด็กสามขวบจะทำอะไรได้ ล่ะ นอกจากเล่น ด้วยพลังมหาศาลให้เธอมาจุกอยู่ในบ้าน เล็ก ๆ น่าสงสารเป็นที่สุดทำให้ กินข้าวได้น้อยลง  เพราะไม่ได้ปล่อยพลังไปไหน  หงุดหงิดที่แม่อุ้มน้อง บอกให้แม่เอาน้องไปคืนโรงพยาบาล  ความคิดโคตะ คิดว่าน้องซื้อมาจากโรงพยาบาล ไม่ได้คิดว่าพ่อแม่จีบกันแล้วมีน้อง กำลังพยายามอธิบายเรื่องนี้อยู่ เด็กวัยนี้ สอนเรื่องเพศไปเลยก็ง่ายดี เพราะว่า กำลังอยากรุ้ว่าทำไมแม่พ่อไม่เหมือนกัน  น้องสาวไม่เหมือนตัวเอง ฉะนั้น อินพุทใส่สมองไปเลย จะง่ายมากและจำได้ดีทีเดียว แต่ตอนนี้ทั้งมิกิกับโคตะชอบเล่นข้างนอก และไปได้ด้วยกันเป็นเวลานานแล้ว เลยไม่มีปัญหาเรื่องการกิน แต่จะติดนิสัยกินช้ามาก เหมือนตอนแรกคลอดมิกิล่ะ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหา แล้วคุณแม่ล่ะคะ เซนเซถามอีก /ในเมื่อคุยกับลูกไม่ได้เลยคุยกับแม่แทน/ อ่อ  ห่วงอย่างเดียวค่ะ กลัวเข้ากับชาวบ้านเค้าไม่ได้ เท่านั้นเอง  กลัวใครเค้าไม่เล่นด้วย    คุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ คิดว่า เด็ก ๆ ที่เข้าใหม่ มาเยอะมากพอโคตะน่าจะหาเพื่อนที่ถูกใจได้สักคน  แบบว่าโคตะมีตัวเลือกมากพอ 55555 ครูใจดีจริง ๆ 55555 แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ จริงแล้วมีเยอะแยะ แต่เวลาน้อยน่ะ จ๊ะ จะไปเช็คสบู่ต่อแล้ว คราวหน้าอยากใส่เมนทอลไปด้วยอยากได้สบู่เย็น รับหน้าร้อน สีดีพบลูด้วยยิ่งดี  ลองคิดสูตรดูก่อน เด๋วออกมาเจ๋ง เสียดายน่ะ

ทำสบู่

เมื่อวานทำสบู่นั่งคนไป  เกินกว่า 24 ชั่วโมง ลุ้น ว่าจะเป็นก้อน ไหม  สรุปว่าเริ่มไปได้ดี
สบู่น้ำมันมะกอก  เป็นสบู่ที่ยากที่สุด ใช้เวลานานกว่าจะเป็นก้อน  ตอนนี้ รอดูพรุ่งนี้จะตัดเป็นสบู่
แล้วผึ่งไว้อีกสามสัปดาห์ถึงมาวัดค่า พีเอช ของสบู่อีกที  แล้วถ้าเรียบร้อย จะได้ สบู่น้ำมันมะกอก ร้อยเปอร์เซ็นต์ดีต่อผิว ซึ่งกระบวนการทำ ที่ผ่านมา ผ่านความร้อนน้อยแล้ว วิตามินที่ยังอยู่ในน้ำมัน ยังครบบ ต่อไปนี้ คงไม่หยุด คงกวนสบู่ไปอีกเรื่อย  ๆ   เป้าหมายต่อไป  เชียบัตเตอร์  เจ้าเชียนี้ สรรพคุณ ด้านความมงามร้อยแปดพันเก้ามาก  ตั้งแต่หัวจดเท้า ใช้เชีย  ชโลมได้หมด  ว่างั้น  ถึงว่า บริษัทเครื่องสำอางค์ได้ใช้กันนัก  

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำไมแม่ชอบดุหนูล่ะ

คิดไปคิดมา เราเองดุลูกมากเกินไปไหม
อยากให้เป็นอย่างใจ เอาตัวแม่เองเป็นหลัก แม่ทุกคนอยากให้ลูกตัวเองเป็นคนเก่งคนดี เป็นนั่นเป็นนี่ อย่างที่ใจต้องการ  แต่ในตัวเด็กเอง เค้ามีความคิด ความอยากกระทำ ในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ซึ่งบางครั้งมันตรงกันข้ามกับความคิดของแม่  แล้วเกิดแบบนี้ทำอย่างไร  บางท่านถึงกับดุลูกให้เป็นอย่างใจ

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

เสียงยามเช้า

เสียงยามเช้าตรู่  ได้ปลุกให้ตื่นขึ้นมา  เสียงนกกระซิบ

ทำให้ฉันตื่นจากฝัน ขึ้นสู่โลกความเป็นจริงที่เป็นอยู่  ฝันถึงบางคนที่อยุ่ไกล ไกลทั้งใจไกลทั้งตัว แต่คิดถึง
มันแปลกในความรู้สึกตัวเอง  ทำไมยังคิดถึงอยู่  แปลกดี วันนีั้ ค่อนข้างอากาศเย็นอาจเป็นเพราะอุณภูมิโลกเย็นลง  เรายังมีอะไรต้องทำอีกมากมาย  คิดถึงอีกคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในชีวิตเลยแปลกดีนะคนเรา
เสียงนกยังกระซิบอยู่ ยังไม่ตื่นมาร้องเพลง หรือหาอาหารแต่อย่างไร อาจเป็นเพราะยังไม่มีแสงจากพระอาทิตย์ตอนเช้า ยิ่งฉันคิดถึงพระอาทิตย์ตอนเช้านี้ ยิ่งทำให้คิดประสบการณ์ร่วมกันในการขับรถข้ามจากประเทศนึงสู่ประเทศ  ผ่านในที่ทุรกันดาน มีแต่ฝุ่นคลุกเคล้า  แต่เธอคนนั้นเองยังขับรถมาส่งให้ฉันอย่างปลอดภัย  ระหว่างทางเราแวะตอนเช้าตรู่ยามแสงเช้ามาดูครัวพุ่งจากบ้านเรือนเนื่องจากเป็นเวลาทำอาหารทุกบ้านจะใช้ฟืนก่อไฟ เพื่อทำอาหาร  แต่ตอนนี้เราเหมือนได้อยู่คนละโลกในใบเดียวกัน  หวังว่าเธอเองสบายดีอยู่ เราพกพาอาหารกลางวันที่ทำง่ายๆ เพื่อเป็นมื้อกลางวัน เรานั่งทานกันง่าย ๆ  ข้างทางที่มีเก้าอี้อยู่   มันเป็นความทรงจำสั้นแต่ดี  มากและจำได้แม่นยำถึงวันนี้

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

อนุบาลญี่ปุ่น

ความแตกต่างการเลี้ยงเด็ก แบบญี่ปุ่น จากความรู้สึก มีความแตกต่างกันอย่างมากในบางเรื่อง
บางคนให้คำแนะนำให้เลี้ยงสองแบบ แต่เราเองรู้ว่ามันยากเพราะบางสิ่งมันต่างกันคนละขั้วเช่น

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ใกล้เปิดเรียน

ลูกชายคนโต ใกล้ เปิดเรียนแล้ว  คุณครูต้องการพบตัวก่อน เพื่อดูว่าเด็กเป็นคนอย่างไร ต้องรับมือกับเด็กคนนี้อย่างไร ที่จริงนัดไว้วันเสาร์ที่แล้วแต่ได้ไป เพราะว่าเป็นวันมอบใบประกาศให้เด็กที่กำลังจะออกโรงเรียน คงต้องเป็นเสาร์ถัดไปคิดไปตื่นเต้นแทน แต่ว่าไม่อยากให้ไปโรงเรียนเลยถ้าไปคงเหงาไปเลยเราอยู่ก็เหนื่อยและสนุกด้วยกัน ถ้าไม่อยู่เหงาแน่ ๆ  ไม่มีคนช่วยทำขนม ไม่มีใครเถียง  แต่คงถึงเวลาที่ต้องไปเจอโลกภายนอก ออกจากอ้อมอกแม่ได้แล้ว
           แล้วจะเล่าให้ฟังอีกที เรื่องโรงเรียนนะจ๊ะ

แผ่นดินไหว ญี่ปุ่น

จากหลายสื่อ สนใจเรื่องแผ่นดินไหว และสึนามิ ที่ญี่ปุ่น ตามความคิดเห็นเราเห็นความเข้มแข็งทำงานเป็นทีม ของคนชาตินี้อยู่มาก  ความอดทน ความมีระเบียบวินัย ในการเข้าแถวรอ รถไฟ ซื้อของ แม้ แต่ยามทุกยาก  และไม่รู้ว่าสถาการณ์ต่อไป จะเลวร้าย  ทุกคนยังมีระเบียบวินัยในการเข้าแถว

 วันนี้หลายพื้นที่ในญี่ปุ่นโดนตัดไฟ  เพื่อความยุติธรรม จะสลับกันไม่มีไฟฟ้าอย่างนี้จนกว่าทุกอย่างจะปกติต้องยกความกล้าหาญ ของสตาฟที่ทำงานอยู่ในโรงไฟไฟนั่น เพราะเสี่ยงอันตราย ยังปฏิบัติหน้าที่กันอย่างทุ่มเท และผุ้ที่ทำอยู่เป็นระดับสูงและพยายามใช้คนให้น้อยที่สุดเพื่อให้สูญเสียชีวิตแล้วเสี่ยงต่อสุขภาพสตาฟให้น้อยที่สุด เรียกว่าเสียสละระดับชาติกันเลยทีเดียว